แจ็ก แอนดรูว์ แกร์รี วิลเชียร์ (
อังกฤษ:
Jack Andrew Garry Wilshere) เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1992 เป็น
นักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นให้กับ
สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ซึ่งเขาถือเป็นผลงานของการฝึกสอนของ
สถาบันสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เขาเล่นในตำแหน่งกองกลางและยังร่วมเล่นกับ
ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ
วิลเชียร์ได้เข้าร่วมกับ
สถาบันสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2001 ขณะที่อายุได้ 9 ปี หลังจากที่เข้ร่วมเล่นกับ
สโมสรฟุตบอลลูตันทาวน์เป็นเวลา 2 เดือน
[5][6]
และเมื่ออายุ 15 ปี เขาเป็นกัปตันทีมอายุไม่เกิน 16 ปี
และยังเล่นบางนัดในทีมอายุไม่เกิน 18 ปี ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2007
วิลเชียร์เป็นส่วนหนึ่งของทีมชนะเลิศ
แชมเปียนส์ยูทคัป
ต่อมาโค้ชของสถาบันสโมสร สตีฟ เบาลด์ ได้ให้เขาเริ่มเล่นกับทีมอายุไม่เกิน
18 ปี ครั้งแรกโดยแข่งกับสโมสรฟุตบอลเชลซี อายุไม่เกิน 18 ปี
[7] เขาทำประตูแรกในการแข่งกับสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา อายุไม่เกิน 18 ปี ในชัยชนะ 4–1
[8] จากนั้นยิง
แฮตทริก ในการแข่งกับสโมสรฟุตบอลวัตฟอร์ตอายุไม่เกิน 18 ปี ได้ทำให้ทีมชนะในแอคาเดมีกรุ๊ปเอ
[9] จบฤดูกาลกับทีมอายุไม่เกิน 18 ปี เขาทำประตู 13 ประตู ในการลงแข่งขัน 18 นัด เมื่อเขาอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น
[10]
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 เขาลงแข่งเปิดตัวในฐานะ
ทีมสำรองอาร์เซนอล เมื่ออายุ 16 ปี โดยแข่งกับเรดดิง วิลเชียร์ทำประตูให้กับการแข่งขันที่อาร์เซนอลได้ประตูเดียว สุดท้ายคือผลเสมอ
[11] เขาทำประตูในนัดแข่งกับทีมสำรองของเวสต์แฮมในเดือนมีนาคม โดยยิงบอลโค้งเข้าไปในกรอบประตูบน ซึ่ง
อาร์แซน แวงแกร์ได้จับตามองดูอยู่
[12]
เขาทำประตู 2 ประตูและช่วยส่งทำประตู 2 ประตู ในการลงแข่งเพียง 3
ครั้งให้กับทีมสำรองในปลายฤดูกาล 2007-08 เขาลงเล่นในทีมชุดอายุไม่เกิน 16
ปี นำชัยชนะในถ้วยอะตาแลนตาคัป
และได้ตำแหน่งผู้เล่นแห่งการแข่งขันครั้งนี้ไปด้วย
[13] เขามีบทบาทสำคัญในการแข่งขันของอาร์เซนอล ในชุด
เอฟเอฟยูทคัป 2009 โดยทำประตูในรอบรองชนะเลิศ
[14] และทำให้เขาเป็นผู้เล่นแห่งนัด ในการแข่งขันครั้งแรกกับลิเวอร์พูล เขาช่วยทำประตู 2 ประตูและยังทำประตูได้อีก
[15]
ฤดูกาล 2008–09
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 วิลเชียร์ได้รับเลือกให้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ ในนัดกระชับมิตรก่อนเปิดฤดูกาล เขาเล่นเปิดตัวในทีมแรกโดยแข่งกับ
สโมสรฟุตบอลบาร์เนต ลงแทนที่
เฮนรี ลันส์บูรี ในครึ่งหลัง ช่วงส่งลูกให้
เจย์ ซิมป์สัน ยิง
[16] วิลเชียร์ทำ 2 ประตูแรกในนัดที่อาร์เซนอลชนะ บูร์เกนลันด์ XI ไป 10–2 และอีกครั้งในสองวันต่อมาในนัดกระชับมิตร แข่งกับสตุตการ์ต
ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล อาร์แซน แวงแกร์ ให้โอกาสวิลเชียร์ลงแข่งในทีมแรก ในการเป็นผู้เล่นในฤดูกาล 2008–09
[17] โดยเขาได้ใส่เสื้อเบอร์ 19 ซึ่งเขาใส่เบอร์นี้มาจนถึง ณ วันนี้
[18] เขาลงแข่งครั้งแรกใน
พรีเมียร์ลีก โดยแข่งกับ
สโมสรฟุตบอลแบล็กเบิร์นโรเวิร์ส ที่
อีวูดพาร์ก ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2008 ลงแข่งแทนการเปลี่ยนตัว
โรบิน ฟาน เพอร์ซี ในนาทีที่ 84
[19] ด้วยอายุ 16 ปี กับอีก 256 วัน ทำให้เขาเป็นผู้เล่นอาร์เซนอลที่อายุน้อยที่สุดในการลงแข่งครั้งแรก โดยสถิติก่อนหน้านี้เป็นของ
เซสก์ ฟาเบรกัส[20] หลังจากนั้น 10 วัน เมื่อวันที่ 23 กันยายน วิลเชียร์ทำประตูแรกให้กับอาร์เซนอลในชัยชนะ 6–0 เหนือ
สโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด ในฟุตบอล
ลีกคัป[21] เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 วิลเชียร์ลงเปลี่ยนตัวแทนใน
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดเจอกับ
สโมสรฟุตบอลดีนาโมเคียฟ (Dynamo Kyiv) กลายเป็นผู้เล่นอายุ 16 ปี คนที่ 5 ที่ได้ลงแข่งในแชมเปียนส์ลีก
[22] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 วิลเชียร์เซ็นสัญญาฟุตบอลอาชีพครั้งแรก
[23] โดยสัญญาถึงเดือนกรกฎาคม ในปีนั้น
[24]
ฤดูกาล 2009–10
ในช่วงระหว่างเตรียมตัวสำหรับฤดูกาล 2009–10 วิลเชียร์ทำประตู 2
ครั้งและได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งนัดให้กับอาร์เซนอล ในนัดกระชับมิตรใน
เอมิเรตส์คัป เมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2009 เขาลงเล่นกับอาร์เซนอล ในชัยชนะเหนือ
สโมสรฟุตบอลเวสต์บรอมมิชอัลเบียน ในลีกคัป 2–0 โดยในนาทีที่ 37 เกิดข้อพิพาทระหว่างเขากับ
เจโรม โทมัส โดยโทมัสผัสหน้าของวิลเชียร์ และได้รับใบแดงไป
[25]
ยืมตัวไปโบลตันวันเดอเริร์ส
ในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ได้แข่งในพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ
สโมสรฟุตบอลโบลตันวันเดอเริร์ส ในการยืมตัวไปจนจบฤดูกาล 2009–10
[26] เขาลงแข่งในลีกครั้งแรกโดยเป็นทีมเยือน แข่งกับ
สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และทำประตูแรกให้กับโบลตัน เป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของเขา และวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2010 ชนะ
สโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ด 2–1
[27] เขาสร้างความประทับใจให้กับทีมโบลตัน และทางโบลตันพยายามที่จะเซ็นสัญญายืมตัวเขาอีกฤดูกาล แต่ก็ไม่สำเร็จ
[28]
ฤดูกาล 2010–11
วิลเชียร์ในนัดเจอกับเบอร์มิงแฮมซิตี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2010
ในฤดูกาล 2010–11 ถือเป็นฤดูกาลแจ้งเกิดของวิลเชียร์ เมื่อวันที่ 15
สิงหาคม ค.ศ. 2010
วิลเชียร์เริ่มเล่นในนัดพรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับอาร์เซนอล โดยพบกับ
ลิเวอร์พูล ที่สนาม
แอนฟิลด์[29] ในสุดสัปดาห์ถัดมาแข่งกับ
สโมสรฟุตบอลแบล็กพูล โดยเขาเป็นคนช่วยจ่ายลูกยิงประตู เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ลงการแข่งขันใน
แชมเปียนส์ลีกครั้งแรก ได้ช่วยจ่ายลูกยิงและมีผลงานการเล่นที่น่าประทับใจ
[30] วิลเชียร์ได้เป็นผู้เล่นอาร์เซนอลแห่งเดือนกันยายน ค.ศ. 2010
[31] เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ได้
ใบแดงครั้งแรกในเกมพรีเมียร์ลีก ในนัดเจอกับสโมสรฟุตบอลเบอร์มิงแฮมซิตี จากการปะทะกับ
นีกอลา ซีกิช[32]
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ทำประตูแรกในแชมเปียนส์ลีก โดยชิปข้าม
อันดรีย์ ปีอาตอฟ (Andriy Pyatov) ที่สนาม
เอมิเรตส์สเตเดียม ในรอบแบ่งกลุ่มที่เจอกับ
สโมสรฟุตบอลชาคห์ตาร์โดเนตสค์ ชนะไป 5-1
[33] เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ได้เซ็นสัญญาระยะยาวฉบับใหม่
[34] เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 วิลเชียร์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดอาร์เซนอลพบ
สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา ชนะไป 4–2 วิลเชียร์ได้รับคำชมในผลงานที่แข่งกับ
สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา โดยทีมชนะไป 2-1 ในนัดนี้เขาส่งผ่าน 93.5% โดย 91% เกิดขึ้นใน 1 ใน 3 ส่วนของสนาม ในแดนคู่แข่ง
[35][36][37] ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล
อาร์แซน แวงแกร์ พูดถึงผลงานครั้งนี้ของเขาว่า "โดดเด่น"
[38] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2011 วิลเชียร์ได้รับ
รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ และยังอยู่ในรายชื่อ
ทีมแห่งปีของฤดูกาล 2011 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมอื่นของอาร์เซนอล
ซาเมียร์ นาสรีและ
บาการี ซาญา