มด เป็น
แมลงในวงศ์
Formicidae อันดับ
Hymenoptera มดมีการสร้างรังเป็น
อาณาจักรขนาดใหญ่ บางรังมีจำนวน
ประชากรมากถึงล้านตัว มีการแบ่ง
วรรณะกันทำหน้าที่คือ วรรณะมดงาน เป็นมดเพศเมียเป็น
หมัน
ทำหน้าที่หาอาหาร สร้างและซ่อมแซมรัง ปกป้องรังจากศัตรู ดูแลตัวอ่อน
และงานอื่นๆ ทั่วไป เป็นวรรณะที่พบได้มากที่สุด วรรณะสืบพันธุ์
เป็นมดเพศผู้ และราชินี เพศเมีย มีหน้าที่สืบพันธุ์
เนื่องจากมดเป็นสัตว์ในวงศ์ Formicidae จึงสามารถผลิต
กรดมดหรือกรดฟอร์มิกได้เป็นลักษณะเฉพาะของสัตว์ในวงศ์นี้
กายวิภาคของมด
โครงสร้างของมดนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัวส่วนหนวด ส่วนท้อง
ส่วนหัว
ส่วนหัวมด
หนวด
หนวดของมดนั้นแตกต่างจากแมลงกลุ่มอื่น คือ หนวดของมดจะม้วนเข้าศอก
เว้นแต่มดสายพันธุ์ Fomisintos
ที่จะมีลักษณะการม้วนหนวดเหมือนแมลงชนิดอื่นๆ หนวดมด
มีหน้าที่รับรู้สื่อสารและรายงานสถาณภาพต่างๆของบริเวณนั้นๆ
ในการสื่อสารมดจะใช้หนวดมาสัมผัสกันเป็นการสื่อสารแบบ ลอย (Emando)
หนวดของมดจะแบ่งออกเป็นปล้องๆ ซึ่งแล้วแต่ประเภท วรรณะของมด
ซึ่งแบ่งออกดังนี้
- มดราชินี (Queen Ant) มีหนวดประมาณ 210-254 ปล้อง
- มดเพศผู้ (Male Ant) มีหนวดประมาณ 117-163 ปล้อง
- มดเพศเมีย (Female Ant) มีหนวดประมาณ 131-155 ปล้อง
- มดงาน (Worker Ant) มีหนวดประมาณ 83 -117 ปล้อง
ตา
แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ ตารวมและ ตาเดี่ยว
- ตารวม คือ ตาที่มีอยู่เป็นคู่ อาจมีลักษะอื่นๆด้วย เช่น
ตาเป็นมี ตา 2คู่ และไม่จำเป็นต้องอยู่บริเวณข้างหน้าเสมอไป
มดส่วนใหญ่จะมีตาเป็นประเภทตารวม
- ตาเดี่ยว คือ ตาที่ไม่ใช่คู่ ส่วนใหญ่ จะมีสามตา และอยู่บริเวณล่างของหนวด
มดส่วนใหญ่จะมีตารวม บางชนิดไม่มีตารวมตั้งอยู่บริเวณส่วนหน้า
หรือด้านข้างของส่วนหัว มีขนาดตั้งแต่เป็นจุดเล็ก ๆ จนถึงขนาดใหญ่
ส่วนมากเป็นรูปวงกลม มีบ้างที่เป็นรูปวงรีหรือรูปไต
มีหน้าที่สำหรับการมองเห็น ส่วนตาเดี่ยวโดยทั่วไปมี 3 ตา
อยู่เหนือระหว่างตารวม ส่วนมากพบในเพศผู้และราชินี สำหรับมดงาน
พบมากในมดเขตหนาว ไม่ได้ใช้ในการมองเห็น
ปาก
ปากของมดจะมีอยู่สองลักษณะ คือ แบบกัดกิน (Thorix) และปากแบบลักษะดูด (Thorase)
- ปากแบบกัดกิน จะมีลักษณะเป็นฟันสองซี่ จะคมมาก
มีกรามที่แข็งแรงและขนาดใหญ่ เป็นส่วนที่เห็นชัดที่สุดรูปสามเหลี่ยม
กึ่งสามเหลี่ยมหรือเป็นแนวตรงถือเป็นอวัยวะที่สำคัญในการจับเหยื่อและ
ป้องกันตัว ทำให้มดส่วนใหญ่เป็นพวกกินสัตว์ พบได้ในมดงาน
- ปากแบบลักษณะดูด จะมีไว้สำหรับ ดูดน้ำหวาน ตามเกสร พบในมดเพศเมีย และมดราชินี
- ร่องพักหนวด เป็นร่วมหรือแอ่งยาวคล้ายรอยพิมพ์
อยู่บริเวณหน้าของส่วนหัว เป็นที่เก็บหนวดขณะที่ไม่ใด้ใช้ โดยทั่วไปมี 1
คู่ มีลักษณะแตกต่างกันตั้งแต่เป็นร่องตื้น ๆ ไปถึงร่องลึกเห็นชัดเจน
บางชนิดไม่มีร่องพักหนวดนี้
ส่วนอก
ส่วนอกเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่าง ส่วนท้อง และส่วนหัว
โดยมากจะเป็นทรงกระบอก อาจมีตุ่มหนามอยู่ด้วย
เป็นส่วนที่สองของลำตัวมดเป็นรูปทรงกระบอก อกของมดจะไม่ใช้คำว่า thorax
แต่จะใช้ alitrunk แทน เนื่องจากอกของมดประกอบด้วย อกปล้องแรก อกปล้องที่ 2
และอกปล้องที่ 3 แต่อกปล้องที่ 3 นี้จะรวมกับท้องปล้องที่ 1 ซึ่งเรียกว่า
propodeum ส่วนอกจะเป็นที่ตั้งของส่วนขาและปีก (สำหรับราชินีและมดเพศผู้)
มดงานจะมีส่วนอกปกติ ยกเว้นมดราชินีมีอกขนาดใหญ่กวา
ปีกจะพบที่มดเพศผู้และมดเพศเมียเท่านั้น มดบางชนิดอกปล้องที่ 1 อกปล้องที่ 2
เชื่อมติดกันเชื่อมติดกัน เช่นเดียวกับอกปล้องที่ 3 กับปล้องที่ 1
มดบางชนิดสันหลังอกมีหนามหรือตุ่มหนาม บางชนิดอาจเป็นแผ่นคล้ายโล่ห์
ขาของมดส่วนมากค่อนข้างยาว ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไวมาก
ความยาวของขาและรูปร่างของมดนั้นจะถูกกำหนดโดยพฤติกรรมต่างๆ
ส่วนท้อง
เป็นส่วนที่อยู่ท้ายสุดของมด บางชนิดจะแตกออกเป็น 2 ส่วน เรียกว่า
Wasted twin ซึ่งมดบางชนิดอาจมีเหล็กใน
และบางชนิดก็มีช่องไว้ปล่อยสารป้องกันตัว เป็นส่วนที่ 3 มดมี 1 หรือ
2ปล้องขึ้นอยู่กับกลุ่มมด อาจมี 1ปล้องคือ Petioleเป็นปล้องที่ 2
ของส่วนท้องอาจเป็นปุ่ม หรือแผ่น ส่วนถ้ามี 2 ปล้องคือ Petiole และ
Postpetiole เป็นปล้องที่ 2กับปล้องที่ 3 Postpetiole
อาจเป็นปุ่มหรือรูปทรงกระบอกก็ได้ มดบางชนิด petiole มีหนาม 1 คู่
ส่วนท้ายของลำตัว เรียก gaster โดยทั่วไปมีรูปร่างกลม
แต่บางชนิดเป็นรูปหัวใจ หรือรูปทรงกระบอก
ปลายส่วนท้องของมดงานส่วนใหญ่มีเหล็กไน
บางชนิดสามารถทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ สำหรับบางชนิดไม่มีเหล็กไน
ก็จะเปิดเป็นช่อง สำหรับขับสาร
การจำแนก
ปัจจุบัน มีการค้นพบมดมากกว่า 12,000 ชนิด โดยพบมากใน
เขตร้อนของ
โลก
เฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ประมาณว่ามีมด 1,300-1,500 ชนิด
สำหรับในประเทศไทยเริ่มมีการศึกษามดอย่างจริงจังในปี ค.ศ. 1997
พบมดแล้วกว่า 700 ชนิด และคาดว่าอาจมีมากได้ถึง 1,000 ชนิด
[1]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น